การเคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อด้วยอีพอกซี่

การใช้อีพอกซี่เคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อเป็นวิธีการอย่างหนึ่งในการบำรุงรักษาป้องกัน รวมถึงซ่อมแซม เพื่อให้ตัวเรือนปั๊มและท่อมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนาน เป็นที่รู้ทั่วกันว่าการสึกหรอของตัวเรือนปั๊มและท่อเกิดจาก การเสียดสี  ความร้อน และการกัดกร่อนที่เกิดจากสารเคมี ทำให้เกิดปัญหาตามมาอันได้แก่  การสั่นสะเทือน ใบพัดสึก ตัวเรือนสึกกร่อน  ประสิทธิภาพตก  แรงดันต่ำ  ดังนั้นการเคลือบอีพอกซี่จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยปกป้องพร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ  และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้จริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณา

ทำไมต้องเคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อด้วยอีพอกซี่

จากที่กล่าวในขั้นต้นสาเหตุการสึกหรอของตัวเรือนปั๊มและท่อ  เกิดจากการเสียดสีและการกัดกร่อนจากสารเคมี  การลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสึกหรอของตัวเรือนปั๊มและท่อนั้นทำได้ยาก  เพราะมีการใช้งานอยู่เป็นประจำ  และเป็นสิ่งที่อยู่ภายในไม่สามารถตรวจเช็คซ่อมบำรุงได้บ่อย ๆ  แต่เราสามารถป้องกันให้เกิดความเสียหายน้อยลงได้โดยการเคลือบอีพอกซี่ ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้ 

  •   การเคลือบอีพอกซี่เป็นการปกป้องพื้นผิวของตัวเรือนปั๊มและท่อโดยตรงจากการเสียดสีกับวัสดุส่งผ่าน  ที่เป็นต้นเหตุของการสึกหรอภายในผนังของปั๊มและท่อ  จึงไม่เกิดการสูญเสียผิวโลหะของตัวเรือนปั๊มและท่อ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น  และยืดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง                          
  •   อีพอกซี่สำหรับเคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อมีลักษณะผิวคล้ายเซรามิค  มีความลื่นทำให้ลดการเสียดสี  ช่วยให้อัตราการไหลดีขึ้น  จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปั๊ม 
  •   มีคุณสมบัติในการต้านทานการกัดกร่อนของสารเคมี  (ขึ้นอยู่กับชนิดและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิต) 

การเคลือบอีพอกซี่ไม่จำเป็นต้องเคลือบกับตัวเรือนปั๊มและท่อที่ใช้งานแล้วเพียงอย่างเดียว  สามารถใช้กับตัวเรือนปั๊มและท่อใหม่ได้เช่นกัน  เพื่อป้องกันก่อนเกิดความเสียหายจากการเสียดสีในการทำงาน  และเพิ่มประสิทธิภาพของปั๊ม  ดูได้จากตารางเปรียบเทียบการทำงานก่อนและหลังการเคลือบ  ดังนี้

การใช้งานและลักษณะของอีพอกซี่ชนิดเคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อ

อีพอกซี่มีการใช้งานเหมือนกันทุกผลิตภัณฑ์  คือมีส่วนผสมสองส่วนด้วยกันได้แก่  ส่วนที่เป็นอีพอกซี่ และส่วนของสารเร่งปฏิกิริยาการแข็งตัว  (hardener)   สามารถใช้ได้โดยนำอีพอกซี่ผสมกับสารเร่งปฏิกิริยาการแข็งตัวตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตกำหนด  อีพอกซี่ชนิดนี้มีลักษณะเหลวมีความหนืดเล็กน้อยคล้ายสี  สามารถใช้แปรงทาเคลือบได้สะดวกรวดเร็ว เมื่อแข็งตัวมีผิวลื่นและมีความแข็งสูง บางผู้ผลิตอาจผลิตหลายสีสำหรับการใช้งานโดยทาชั้นละสี  เพื่อสะดวกในการตรวจสอบเมื่อถึงเวลาซ่อมบำรุง

ขั้นตอนการเคลือบและซ่อมแซมตัวเรือนปั๊มและท่อ 

1.  การเตรียมพื้นผิวของตัวเรือนปั๊มและท่อจะแตกต่างกับเพลา  คือควรเตรียมพื้นผิวด้วยการพ่นทราย  เนื่องจากการตกแต่งผิวทำได้ยาก  การพ่นทรายจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมในการเตรียมพื้นผิว  ลักษณะการเตรียมพื้นผิวมีหลักการ  คือ ชิ้นงานต้องสะอาด แห้ง และมีพื้นผิวที่หยาบ  เมื่อนำงานพ่นทรายเสร็จเรียบร้อยปราศจากสนิมและสิ่งสกปรกแล้ว  ควรทำความสะอาดเพิ่มเติมด้วยน้ำยาทำความสะอาด เพราะสิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่เป็นสาเหตุของการเกิดสนิม และทำให้อีพอกซี่เกิดการหลุดร่อน  

2.  การเคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อสามารถใช้แปรงทาได้มีขั้นตอนการทำงานไม่ยุ่งยาก  ดังนี้

  • 2.1  ผสมอีพอกซี่ตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตกำหนด  (ควรผสมให้ถูกต้องเพราะมีผลต่อระยะเวลาการแข็งตัว)          
  • 2.2  ใช้แปลงทาเคลือบบริเวณพื้นผิวที่ต้องการ  เมื่ออีพอกซี่แข็งตัวตามเวลาจึงนำไปใช้งาน ปกติในการทาเคลือบอีพอกซี่แต่ละครั้งจะมีความหนาประมาณ  3  มม.  แต่ถ้าต้องการความหนาที่มากกว่านี้ทำได้โดยทำการทาทับทีละชั้น โดยเมื่อทาชั้นแรกเสร็จแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ  4  ชั่วโมง เพื่อให้อีพอกซี่เซตตัว จากนั้นจึงทาอีพอกซี่ทับลงไปเพื่อเพิ่มความหนา

ข้อจำกัดการใช้งานสำหรับการเคลือบปั๊มและท่อ

  •   วัสดุที่ผ่านในตัวเรือนปั๊มและท่อควรมีขนาดไม่เกินที่ผู้ผลิตกำหนด  (โดยมากไม่เกิน  0.3  มม.)
  •   ไม่รองรับการกระแทก  แต่ทนต่อการเสียดสีและการขูดขีดได้ดี   
  •   มีอายุในการเก็บรักษา  ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คสภาพของอีพอกซี่ก่อนการใช้งานว่ามีสภาพที่ดีพร้อมใช้งานได้หรือไม่ 
  •   การเคลือบต้องทำให้เสร็จในครั้งเดียวและต่อเนื่อง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนอีพอกซี่แห้งแล้วจึงทาซ้ำ  จะทำให้การเคลือบแบ่งออกเป็นชั้น ๆ  (layer)  และลดประสิทธิภาพการยึดเกาะ

ข้อควรระวังในการเคลือบและซ่อมแซมปั๊ม

  •   เวลาในการทำงาน  เนื่องจากอีพอกซี่จะมีเวลาในการทำงานประมาณ  30  นาที  ฉะนั้นในการทำงานควรที่ผสมอีพอกซี่ทีละน้อยตามการใช้งาน  เพราะในระหว่างการเคลือบซ่อมแซมตัวเรือนปั๊มและท่อ  อีพอกซี่จะแข็งตัวอย่างช้า ๆ  จนกระทั่งไม่สามารถทำงานได้  หากผสมอีพอกซี่มากเกินไปอาจทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามกำหนด  เนื่องจากอีพอกซี่แข็งตัวก่อนที่จะเคลือบเสร็จสมบูรณ์  
  •   ในการเคลอบต้องระวังสิ่งปนเปื้อนที่อาจเกิดได้จากการทำงาน  เช่น  ขนแปรง  ฝุ่นผง  เป็นต้น  เนื่องจากสิ่งสกปรกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ลดความแข็งแรงในการเคลือบตัวเรือนปั๊มและท่อ  เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการหลุดร่อนได้ในการเคลือบ  และซ่อมแซมตัวเรือนปั๊มและท่อ  
  •   ไม่ควรขยับหรือเคลื่อนย้ายปั๊มหรือชิ้นงานในขณะที่ยังไม่เซตตัวดี  (เวลาเซตตัวอยู่ที่ประมาณ  4  ชั่วโมง)  เพราะอาจเกิดการเคลื่อนตัวของอีพอกซี่ที่ทาเคลือบ  ทำให้เกิดเป็นรอยภายในตัวเรือนปั๊มและท่อ  ซึ่งมีผลต่อการไหลภายใน 
  •   การเกิดฟองอากาศของอีพอกซี่ซึ่งฟองอากาศเหล่านี้ทำให้เกิดช่องว่าง  และเป็นต้นเหตุของการหลุดร่อนจากการไหลผ่านของวัสดุภายในตัวเรือนปั๊มและท่อ  

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า การเคลือบอีพอกซี่สามารถปกป้องพื้นผิวของตัวเรือนปั๊มและท่อรวมถึงใบพัดได้ (ในกรณีที่ใบพัดมีความเสียหายเล็กน้อย)  ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากการสึกหรอ  และยืดอายุการใช้งานของปั๊มและท่อ  จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันและซ่อมแซม  เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับวิธีการแบบอื่น ๆ

error: Content is protected !!